ที่มาของ กาแฟ ในตอนนี้ เครื่องดื่มผสมคาเฟอีนหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากมายก็คือ ชาและกาแฟ ซึ่งถือได้ว่า เป็นเครื่องดื่มสำคัญที่สร้างการเปลี่ยนแปลงต่อโลกได้ไม่แพ้เครื่องดื่มอีก ๒ อย่างดังที่กล่าวมาข้างต้น รวมทั้งสามารถสะท้อนให้มองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกด้วย แนะนำ เปาบุ้นจิ้น
งานประพันธ์ชิ้นนี้ก็เลยอยากได้พรีเซนเทชั่น “กาแฟ” ในทางประวัติศาสตร์และก็ความเคลื่อนไหวการดื่มกาแฟโดยย้ำเทียบการบริโภคในทวีปเอเชียกับยุโรปแล้วก็อเมริกา ซึ่งจะย้ำดินแดนตะวันออกกลางเป็นหลัก ด้วยเหตุว่าการที่เป็นถิ่นเกิดแล้วก็แหล่งผูกขาดการค้าขายกาแฟที่สำคัญก่อนจะมีการกระจัดกระจายแหล่งปลูกกาแฟไปยังอาณานิคมตะวันตกในภูมิภาคอื่น ที่จะบอกให้เห็นถึงการกลับมาของกาแฟสู่ดินแดนบ้านเกิดเมืองนอนเริ่มแรกในรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนการบริโภคกาแฟในตะวันออกกลางไปแทบอย่างสิ้นเชิง แม้กระนั้นด้วยเหตุว่าขอบเขตของการเล่าเรียนเน้นย้ำส่วนที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของกาแฟรวมทั้งความก้าวหน้าการดื่มในภูมิภาคตะวันออกกลาง ก็เลยจะไม่กล่าวถึงปัญหาเกี่ยวกับการค้าขายกาแฟที่เกิดขึ้นในละตินอเมริกาและก็แอฟริกาเป็นหลักใหญ่ รวมทั้งข้อวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับธุรกิจค๊อฟฟี่ช็อปสตาร์บัคส์ (Starbucks) ด้วย
กาแฟเป็นพืชที่มีบ้านเกิดรอบๆทวีปแอฟริกา ตอนต้นนั้นกาแฟเป็นพืชป่าจนกว่าได้ถูกเอามาปลูกภายในดินแดนอาระเบีย ก่อนที่จะแพร่หลายไปยังภูมิภาคอื่นๆของโลก ดังเช่น ละตินอเมริกา ประเทศอินเดีย และก็เอเซียอาคเนย์ ฯลฯ สายพันธุ์กาแฟนั้นมีอยู่มากมายก่ายกองนานัปการ แม้กระนั้นสายพันธุ์ที่มีการบริโภคสำคัญๆมีอยู่ ๒ สายพันธุ์ เป็นต้นว่า คอฟเฟ่ ค้างเนโฟรา(Coffea Canephora) หรือที่รู้จักในชื่อ คอฟเฟ่ โรบัสตา (Coffea Robusta) ซึ่งมีต้นกำเนิดรอบๆภาคกึ่งกลางแล้วก็ตะวันตกของแอฟริกา กับคอฟเฟ่ อาราบิกา (Coffea Arabica) ซึ่งสายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดในเอธิโอเปียแล้วก็เยเมน
อีกทั้ง ๒ สายพันธุ์นี้มีลักษณะต่างกันบางส่วนหมายถึงสายพันธุ์อาราบิกาเป็นสายพันธุ์แรกที่มีการศึกษาและทำการค้นพบ มีช่วงเวลาเก็บเกี่ยวเร็วกว่าน้อย อยากน้ำน้อยกว่า และก็มีการปรับปรุงสายพันธุ์มากยิ่งกว่า ช่วงเวลาเดียวกันอาราบิกาก็มีการรักษายากกว่า อ่อนแอทั้งยังต่อศัตรูพืชรวมทั้งโรค และก็ยังได้ผลผลิตน้อยกว่าสายพันธุ์โรบัสตา โปรโมชั่น สล็อต ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ศึกษาค้นพบโดยคนยุโรปในปลายศตวรรษที่๑๙ มีรสชาติขมกว่า แล้วก็ปลูกมากมายในหลายประเทศอีกทั้งในละตินอเมริกาประเทศอินเดีย และก็ประเทศแถบเอเซียอาคเนย์อย่างเวียดนามแล้วก็ไทย๑ กาแฟอีกทั้ง ๒ สายพันธุ์นี้ได้เปลี่ยนเป็นกาแฟสายพันธุ์สำคัญที่ถูกใช้เชิงพาณิชย์ตั้งแต่แมื่อศตวรรษที่ ๑๕ โดยสายพันธุ์อาราบิกาจะเป็นสายพันธุ์แรกที่เข้าระบบกิจการค้า ตามมาด้วยสายพันธุ์โรบัสตาในศตวรรษที่ ๒๐
สำหรับในการศึกษาค้นพบกาแฟทีแรกนั้น มีหลักฐานเป็นเพียงแค่ตำนานเรื่องเล่าอยู่มาก ยกตัวอย่างเช่น ตำนานแพะเต้น ซึ่งคือเรื่องของคนเลี้ยงแพะชาวเอธิโอเปียชื่อค้างลดี ในศตวรรษที่ ๙ ที่ศึกษาค้นพบกาแฟจากการได้รับประทานผลกาแฟภายหลังที่ได้มองเห็นแพะรู้สึกฮึกเหิมขึ้นจากการได้รับประทานผลดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว หรือจะคือเรื่องของชายชื่อโอมาร์ที่ถูกขับไล่ออกมาจากเมืองโมชา ได้ศึกษาและทำการค้นพบแล้วก็รับประทานกาแฟเป็นของกินจนกระทั่งสามารถรอดตายกลับมายังเมืองได้๒ฯลฯ ซึ่งหลักฐานตำนานโดยมากการันตีถึงบ้านเกิดเมืองนอนเริ่มแรกในเอธิโอเปียเป็นหลัก แม้ว่าจะมีการการันตีแบบนั้น แม้กระนั้นณ เวลานั้นต้นกาแฟโดยมากมักมิได้รับความพอใจอะไรก็แล้วแต่นักจนตราบเท่าชาวอาหรับในเยเมนได้รับเอากาแฟพวกนั้นไปเผยแพร่ในดินแดนอาระเบีย
เมื่อกาแฟได้ถูกนำไปเผยแพร่ในดินแดนอาระเบีย ดินแดนที่ดูเหมือนจะตอบรับกาแฟเป็นที่แรกเป็นเยเมน ในช่วงปลายศตวรรษที่ ๑๔ ถึงต้นศตวรรษที่ ๑๕ ก่อนที่จะกาแฟได้แปลงเป็นเครื่องดื่มในหมู่ประชาชน กาแฟโดยมากเป็นของกินทางศาสนาของกรุ๊ปผู้เชื่อถือนิกายซูฟี โดยการบดเม็ดกาแฟ เพื่อใช้กำจัดความง่วงงุนในระหว่างการดำเนินพิธีทางศาสนาในยามค่ำคืน รวมทั้งเพื่อใช้เป็นยาเสริมความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้า แม้ว่าจะมีคนนำทางนิกายคิดนำเม็ดกาแฟมาปรุงเป็นน้ำกาแฟ แม้กระนั้นชาวเยเมนก็ไม่ค่อยนิยมดื่มมากแค่ไหน ทั้งยังนิยมการกินด้วยแนวทางบดเม็ด หรือไม่ก็นำเปลือกผลกาแฟมาชงเป็นชา รวมทั้งเอามาดื่มร่วมกับใบกาต (Khat)๓
เนื่องจากว่ากาแฟเป็นพืชป่าในดินแดนเอธิโอเปียที่ชาวอาหรับปรารถนามากยิ่งขึ้นทำให้มีอาการชาวอาหรับเยเมนนำกาแฟมาปลูกรอบๆแนวเขาทางทางเหนือของเยเมน ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการนำกาแฟมารองรับในสิ่งที่ต้องการของคนเราแค่นั้น พื้นที่ดังที่กล่าวมาข้างต้นยังสมควรต่อการปลูกกาแฟอีกด้วย กาแฟที่มีถิ่นเกิดมาจากแอฟริกานี้ก็เลยมีชื่อเสียงว่า อาราบิกา เมื่อมันถูกนำเข้าสู่ยุโรปอันจะเอ๋ยถึงถัดไป การที่กาแฟได้ถูกเอามาปลูกลงในเยเมนนี้นำมาซึ่งการทำให้เมืองท่ามอคคา (Mocha) ซึ่งเดิมเป็นท่าเรือที่ขนส่งกาแฟไปทั่วอาระเบียแล้วก็ส่งค้าในยุโรปตอนหลัง รวมทั้งทำให้เยเมนสามารถผูกขาดวิธีขายกาแฟได้เป็นระยะเวลานานถึง ๒ ศตวรรษครึ่ง ก่อนที่จะสูญเสียการมัดขาดให้แก่ชาติยุโรป
ราวปี คริสต์ศักราช ๑๕๐๐ กาแฟได้แพร่ขยายไปทั่วอีกทั้งแหลมอาระเบียไปพร้อมด้วยผู้เชื่อถือนิกายซูฟีทั้งยังในไคโร ดามัสกัส รวมทั้งเมกกะ ซึ่งคนที่ดื่มกาแฟจำนวนมากยังคงจำกัดขอบเขตอยู่แต่ว่าในกลุ่มผู้เชื่อถือนิกายนี้ที่ชอบรวมตัวกันดื่มรอบๆศาสนสถานหรือลานกว้างต่างๆตอนนี้ แล้วก็เป็นเครื่องดื่มทั่วๆไปในช่วงกลางคืนตอนเทศกาลรอมดอน กาแฟได้ถูกนำไปเกี่ยวเนื่องกับท่านนะบีมะหะหมัดโดยอ้างถึงตำนานแหล่งกำเนิดของกาแฟ PG SLOT ซึ่งท่านนะบีได้รับเม็ดกาแฟจากเทวทูตกาเบียลมาเป็นเครื่องดื่มของอิสลามแทนที่เหล้าองุ่นที่เป็นข้อกำหนดทางศาสนาดังจะมองเห็นได้จากคำว่า กาแฟ ในภาษาอาหรับว่า Qahwah ที่เป็นคำใช้เรียกแทนคำว่า เหล้าองุ่น การที่กาแฟได้ถูกเอามาเกี่ยวพันกับอิสลาม ทำให้การดื่มกาแฟแพร่ระบาดไปพร้อมกันกับการเปิดเผยแผ่อิสลามในประเทศอินเดียแล้วก็เอเซียอาคเนย์อาทิเช่นอินโดนีเซียก่อนที่จะมีการกระจัดกระจายกาแฟโดยชาวตะวันตก
เมื่อถึง คริสต์ศักราช ๑๕๑๐ กาแฟก็ได้เปลี่ยนแปลงสถานะจากเครื่องดื่มทางศาสนาเป็นเครื่องดื่มทางด้านสังคมเพิ่มมากขึ้น มีค๊อฟฟี่ช็อปหรือ Coffee-house ในดินแดนตะวันออกกลางได้เกิดมากมาย แต่ว่าเนื่องด้วยมีการโต้เถียงเกี่ยวกับผลพวงของกาแฟที่มีความผิดในสิ่งที่ไม่อนุญาตทางอิสลาม และก็ถึงจะไม่เป็นสิ่งที่ไม่อนุญาตทางศาสนา แต่ว่าชนชั้นดูแลในเมืองใหญ่ๆก็มีความเห็นว่า ร้านขายกาแฟเป็นแหล่งสุมหัวของคำนินทา คำกล่าวเสียดสีด้านการเมือง แล้วก็แหล่งการเดิมพันทำให้มีการล้มล้างร้านขายกาแฟพวกนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว จนถึงเมื่อถึงตอนราวกึ่งกลางศตวรรษที่ ๑๖ ภายหลังความอุตสาหะสั่งปิดร้านขายกาแฟล้มเหลว ทำให้มีร้านขายกาแฟที่แรกเปิดขึ้นในเมืองดามัสกัส ตามมาด้วยค๊อฟฟี่ช็อปตามเมืองใหญ่อีกหลายที่ ดังเช่น เมกกะ อิสตันบูล รวมทั้งไคโร ฯลฯ ร้านค้ากลุ่มนี้จะเปลี่ยนเป็นปัจจัยหลักต่อการแพร่การดื่มกาแฟในยุโรป
การปรุงกาแฟขณะนี้ มีการคาดการณ์ว่า ในศตวรรษที่ ๑๕ คนนำทางนิกายซูฟีในเมืองท่ามอคคาเป็นคนคิดค้นการคั่ว การบด แล้วก็การชงกาแฟ การชงกาแฟในระยะนี้จะใส่กาแฟลงไปก่อนแล้วและก็ตามด้วยน้ำสุกเดือด เพื่อสร้างกลิ่นที่น่าสนใจของกาแฟแล้วก็ก่อนการผลิตน้ำสะอาดพอเพียง การต้มก็เลยเป็นกระบวนการหนึ่งที่จะสร้างความมั่นใจในความสะอาดของน้ำ แม้กระนั้นกาแฟที่ชงขึ้นนั้นยังไม่มีการกรองเอากากกาแฟออก ทำให้กาแฟมีลักษณะข้นแล้วก็ขม ทั้งๆที่มีการปลูกอ้อยในดินแดนตะวันออกกลางและก็ผลิตน้ำตาลที่รับมาจากประเทศอินเดียกว่าร้อยปีกลายการรู้จักกาแฟ แต่ว่าก็ไม่มีการเติมน้ำตาลผสมลงในกาแฟ รวมถึงการเติมนมด้วย จากการมีคำกล่าวอ้างว่า เป็นต้นเหตุของโรคเรื้อนถ้าหากเอามาผสมกับกาแฟ แต่ก็มีการเพิ่มเติมกระวานลงในกาแฟหลายครั้ง รวมทั้งมีการใส่ฝิ่นกับกัญชาลงไปแกว่งไกวในน้ำกาแฟด้วย
หากว่าเทคโนโลยีต่างๆจะมีผลให้การดื่มกาแฟมีความละเอียดลออเพิ่มมากขึ้นในสหรัฐ แม้กระนั้นเทคโนโลยีสำคัญที่มีผลต่อความเคลื่อนไหวการดื่มกาแฟไปทั่วทั้งโลกเป็นการคิดค้นกาแฟสำเร็จรูป ซึ่งกาแฟนี้เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการดึงน้ำออกมาจากกาแฟที่ปรุงเสร็จแล้ว โดยการพ่นผ่านอากาศร้อนให้น้ำระเหยออกไปจนกระทั่งเหลือแค่ผงกาแฟ กาแฟจำพวกนี้ได้มีการสร้างสรรค์ขึ้นในปี คริสต์ศักราช ๑๙๐๑
โดยนักวิทยาศาสตร์คนประเทศญี่ปุ่นสถานที่ทำงานในรัฐชิคาโกชื่อซาโตริ ค้างโต้ แม้กระนั้นคนที่ปรับปรุงแล้วก็ทำให้กาแฟสำเร็จรูปเข้าระบบการค้าขายหมายถึงจอร์จ คอนสแตนต์ วอชิงตัน (George Constant Louis Washington) ในชื่อแบรนด์ จอร์จ วอชิงตัน หรือ G. Washington Coffee ซึ่งกาแฟของเขาในช่วงเวลานี้เป็นผลิตภัณฑ์เพียงแต่แบรนด์เดียวที่เป็นกาแฟสำเร็จรูป แม้กระนั้นเนื่องจากว่ามีบอกว่า เว็บตรง สล็อต กาแฟสำเร็จรูปมีคุณภาพด้อยกว่ามีรสชาติห่วยแตก และไม่มีอะไรแปลกใหม่นัก ทำให้กาแฟสำเร็จรูปในระยะแรกไม่ค่อยเป็นที่นิยม ก่อนจะมีผู้สร้างรายอื่นๆเริ่มผลิตกาแฟสำเร็จรูปมากยิ่งขึ้นตอนหลังสงครามโลกครั้งที่ ๑ ภายหลังที่กาแฟสำเร็จรูปของเขาสามารถสร้างความนิยมชมชอบให้แก่ทหารในสนามรบ
หากแม้กาแฟสำเร็จรูปของเขาจะได้รับสัมปทานขายเป็นเสบียงอาหารให้กับกองทัพสหรัฐในตอนสงครามโลกครั้งที่ ๑ แต่ว่าก็พ่ายการมัดขาดสัมปทานในตอนสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยบริษัทที่จะแปลงเป็นผู้เผยแพร่กาแฟสำเร็จรูปไปทั่วทั้งโลกแล้วก็สร้างการเปลี่ยนแปลงสำหรับการดื่มกาแฟเป็นเนสเล่ (Nestle) ซึ่งจัดตั้งขึ้นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ปี คริสต์ศักราช ๑๘๖๐ โดยชาวเยอรมันชื่อ เฮนรีเนสเล่ (Henri Nestle) ซึ่งขณะนั้นเขาเป็นเภสัชกรอยู่ ในทีแรกๆๆบริษัทเนสเล่จะเน้นย้ำสินค้าเกี่ยวกับนมอย่างนมผง เนย และก็ของกินเด็กอ่อน มีการขยายโรงงานไปตั้งในสหรัฐ อังกฤษ เยอรมนี แล้วก็ประเทศสเปน จวบจนกระทั่งจบสงครามโลกครั้งที่ ๑ เมื่อผู้ซื้ออยากได้สินค้าเกี่ยวกับนมเยอะขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็ได้ผันตัวไปผลิตนมแทน รวมทั้งถัดมาก็ได้ทำธุรกิจผลิตช็อกโกแลต แต่ว่าผลพวงของวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทเนสเล่มีการย้ายโรงงานผลิตไปยังประเทศด้อยพัฒนาโดยยิ่งไปกว่านั้นประเทศในแถบละตินอเมริกาอย่างบราซิลที่เป็นแหล่งผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งกำลังเจอปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในตอนปี คริสต์ศักราช ๑๙๑๗–๒๓ จากหลายสาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น ภาวการณ์หนาวเย็นร้ายแรงในบราซิล การจำกัดพื้นที่การขนสินค้า
รวมทั้งความอยากได้ผลิตภัณฑ์การกสิกรรมอื่นๆแทนที่กาแฟ ในปี คริสต์ศักราช ๑๙๓๐ เนสเล่ไขปัญหาราคากาแฟถดถอยของบราซิล โดยผู้ชำนาญด้านกาแฟของบริษัท แมกซ์ มอร์เกนธาเลอร์ (Max Morgenthaler) กับเพื่อนร่วมงานของเขาได้ใช้เวลา ๗ ปี สร้างสรรค์สินค้ากาแฟที่รู้จักไปทั่วทั้งโลกเป็นเนสคาเฟ่ (Nescafe) หรือเนสกาแฟตามคำที่พูดบ่อยจนติดปากของชาวไทย
แต่ว่าเนสกาแฟบางครั้งอาจจะมีชื่อเสียงช้ากว่านี้หากว่าไม่มีสงครามโลกครั้งที่ ๒ เกิดขึ้น ซึ่งกาแฟสำเร็จรูปแบรนด์นี้กับอีกหลายแบรนด์ได้แพร่ไปไปยังภูมิภาคต่างๆทั้งโลกผ่านการรบของทหารสหรัฐอเมริกา ในตอนที่กาแฟคั่วสดกำลังประสบเจอกับปัญหาใหญ่สำคัญ ด้วยเหตุว่าแผนการการตรึงราคาผลิตภัณฑ์ของหน่วยงานจัดแจงบริหารราคาผลิตภัณฑ์(Office of Price Administration หรือOPA) ทำให้ราคากาแฟคั่วสดแพงถูกกว่าราคาที่ควรจะเป็นจริง ในตอนที่อัตราค่ายังชีพของคนงานในประเทศแถบละตินอเมริกาเพิ่มสูงมากขึ้น ทำให้เกษตรกรไร่กาแฟไม่สามารถที่จะจ่ายค่าแรงให้กับคนงานได้ การดำเนินการก็เลยหยุดชะงักลงจากการขาดแคลนลานแรงงาน นอกนั้นเกษตรกรบางประเทศในอเมริกากึ่งกลางยังสะสมเม็ดกาแฟไว้คอยขายในราคาที่ดียิ่งกว่าราคาที่ถูกควบคุมนี้ หรือเลือกที่จะขายเม็ดกาแฟคุณภาพแย่ไปก่อน สิ่งกลุ่มนี้ทำให้ผลิตผลกาแฟที่มีคุณภาพจากที่ผู้ซื้อปรารถนามีจำนวนน้อยลงเป็นอย่างมาก
เมื่อ OPA ยกเลิกมาตรการคุมราคาผลิตภัณฑ์ในปี คริสต์ศักราช ๑๙๔๖ กาแฟคั่วสดที่มีคุณภาพก็เลยราคาแพงสูงมากขึ้นอย่างยิ่งอย่างกาแฟจากท่าเรือซานโตสในบราซิลแพงมากถึง ๒๕ เซ็นต์ต่อปอนด์ แล้วก็ราคากาแฟจะแพงสูงมากขึ้นอีกเรื่อยตามอัตราเงินเฟ้อข้างหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทั้งยังในตอนปี คริสต์ศักราช ๑๙๔๖–๕๐ กาแฟจากละตินอเมริกาก็มีการขาดขึ้นจากการที่พื้นดินปลูกกาแฟขาดความอุดมสมบูรณ์รวมทั้งศัตรูพืชเว้นเสียแต่ราคาที่สูงขึ้นเรื่อยถึง ๘๐ เซ็นต์ต่อปอนด์ ในปี คริสต์ศักราช ๑๙๕๐ แล้วกาแฟคั่วสดจำเป็นต้องพบเจอการแข่งขันชิงชัยจากเครื่องดื่มจำพวกใหม่ที่มีชื่อเสียงขึ้นในตอนสงครามโลกครั้งที่ ๒หมายถึงน้ำอัดลมแบรนด์วัวติดอยู่–วัวลารวมทั้งเป๊ปซี่ ซึ่งได้แพร่ระบาดไปทั้งโลกไปพร้อมทั้งทหารสหรัฐทั้งยังในตอนสงครามโลกครั้งที่ ๒ แล้วก็ตอนสงครามเย็น
อัพเดทล่าสุด : 5 กรกฎาคม 2021 (ข้อมูลล่าสุดปี 2021)